ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: โบรมาดิโอโลน (Bromadiolone) 0.005% w/w wax block

ทะเบียน อย: วอส. 386/2559

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: เท อี-แรท 20 กรัม (ประมาณ 3-4 ก้อน) ลงในภาชนะรองรับ และวางไว้ตรงที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางห่างกันจุดละ 1-2 เมตร เติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูแทะไว้แล้ว และวงติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 5 วัน หรือจนกระทั่งไม่มีร่องรอยว่ามีหนูอยู่


วิธีเก็บรักษา: ควรเก็บในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดดและเก็บให้มิดชิด ห่างไกลจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม และสัตว์เลี้ยง

คำเตือน:
1.ห้ามรับประทาน
2. วางเหยื่อไว้ในสถานที่ที่เด็ก และสัตว์เลี้ยงไม่สามารถเข้าได้
3. อย่าวางเหยื่อไว้ในบริเวณที่เหยื่อจะมีโอกาสปนเปื้อน กับอาหารหรือพื้นผิวที่สัมผัสกับอาหาร
4.ภายหลังการหยิบจับควรล้างมือทุกครั้ง
5.ในกรณีที่วางเหยื่อ อี-แรท ในที่เปิดเผย ควรจะทำการเก็บกวาด และงดใช้ในเวลากลางวัน
6.ห้ามทิ้ง อี-แรท หรือภาชนะบรรจุลงในแม่น้ำ คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะ


อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษจาการรับประมานอีแรท ในระยะแรกจะยังไม่แสดงอาการผิดปรกติ นอกจากระยะเวาการแข็งตัวของเลือดจะนานขึ้น แต่หากรับประมาน อี-แรทนี้ ในปริมาณมากๆ หรือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดการตกเลือด โดยอาจมีเลือดออกมาขากปัสสาวะ อุจจาระ เลือดกำเดาไหล หรือมีเลือออกตามเหงือก อาจมีอาการปวดท้อง และหลัง เนื่องจากมีอาการตกเลือด ภายในช่องท้อง อ่อนเพลีย ตัวซีด อาจตายได้เนื่องจากเสียเลือดมาก


วิธีแก้พิษเบื้องต้น:
1.หากกลืนอี-แรท ให้ทำให้อาเจียนโโยดื่มน้ำสะอาด 2 แก้ว และทำการล้วงคอ
2. ให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุ หรือฉลากของ อี-แรท นั้น

ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: coumatetralyl 0.75% w/w

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: ใช้ ราคูมินผง 1 ส่วน ผสมกับเหยื่อแห้งที่หนูชอบ เช่น ปลายข้าว ปลาป่น ข้าวโพดป่น ขนมปัง หรือเนื่อสัตว์ 19ส่วน แล้วใช้ไม้หรือวัสดุที่เหมาะสม คลุกให้เข้ากันในภาชนะ แล้วนำไปวางไว้ที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางไว้หลายๆจุด จุดละ 50-100 กรัม ห่างกันจุดละ 1-2เมตร และวางติดต่อกันประมาณ 5 วัน ควรเติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูกินไป

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: coumatetralyl 0.075% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนู

วิธีใช้: เท "ราคูมิน ไรซ์เบท" ประมาณ 50-100 กรัม ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางเหยื่อห่างกันจุดละ 1-2เมตร เติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูกินไปแล้ว และวางติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 5 วัน

วิธีเก็บรักษา: ควรเก็บในที่แห้ง และเย็น อย่าให้ถูกแสงแดดและเก็บให้มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม และสัตว์เลี้ยง

วิธีแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนกิน "ราคูมิน ไรซ์เบท" ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2 แก้ว แล้วทำการล้วงคอ
2. ให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุหรือฉลากของ "ราคูมิน ไรซ์เบท" นั้น

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

จานกาววิทยาศาสตร์ดักจับหนู ชนิดสำเร็จรูป T-RAT (Finished Science Glue for Trap Rat)

ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น สะดวก ใช้ง่าย

จับได้ชะงัด ดักได้ทุกที่


การบรรจุ: 1 กล่อง มีจำนวน 2 จาน


วิธีใช้:
- ใส่เศษอาหารในจานกาว เพื่อใช้ล่อเพียงเล็กน้อย
- หนูจะเข้ามากินอาหารในจานกาว และจะติดอยู่ในจานกาว


จานการกักจับหนู T-RAT ผลิตโดยใช้กาวคุณภาพสูง จะเหนียว ทนอุณหภูมิ ทนการเปลี่ยนแปลง จาก5องศา-45องศา โดยไม่ละลาย และมีแรงเกาะตัวดีเยี่ยม สามารถดักหนูได้เด็ดขาด ใช้ได้ทุกสถานที่ ใช้งานง่าย สะดวก


คำแนะนำในการใช้:
- ปรกติ หนูมีนิสัยชอบวิ่งตามมุมต่างๆที่เคยชิน จึงควรวางจานการดักหนู ไว้ตามทางเดินที่หนูชอบวิ่งผ่าน หรือ ที่ที่หนูชุกชุม
- เพื่อคงประสิทธิภาพของจานกาวดักหนูให้ใช้งานได้เต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำ ฝุ่น หรือ เศษขยะ ปลิวตกลงบนจานกาว
- หากกาวติดถูกมือ หรือสิ่งของต่างๆ ควรใช้น้ำมันก๊าด หรือน้ำมันพืชเช็ดทำความสะอาด ก่อนล้างทำความสะอาดอีกครั้ง

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

ผลิตจากเหล็กเคลือบสีเงินกันสนิม

ขนาดกรง: กว้างxยาวxสูง = 5"x11"x5" โดยประมาณ

จำนวนสปริงค์: 1 อัน

ประโยชน์: ใช้ดักหนู กระรอก หรือ สัตว์อื่นๆที่มีขนาดเล็กกว่า 5 นิ้ว

ผลิตจากเหล็กเคลือบสีเงินกันสนิม

ขนาดกรง: กว้างxยาวxสูง = 7"x14"x7" โดยประมาณ

จำนวนสปริงค์: 2 อัน

ประโยชน์: ใช้ดักหนู กระรอก หรือ อื่นๆที่มีขนาดเล็กกว่า 7 นิ้ว

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: โซเดียมไดฟาซิโนน (Sodium Diphacinone) 0.05% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนู

วิธีใช้: ใช้ช้อนโต๊ะตัก เหยื่อกำจัดหนู ตราซันเจี่ย จำนวน 50กรัม(3.5ช้อนโต๊ะ) ลงในภาชนะรองรับ แล้วนำไปวางไว้ให้ใกล้รูหนู หรือบริเวณหนูชุกชุม หรือในที่มิดชิด ควรวางห่างกันจุดละ 2 เมตร แล้วสังเกตุจำนวนของเหยื่อทุกวัน เพิ่มเติมจำนวนเหยื่อให้เท่าเดิม ทำติดต่อกัน 3-4 ครั้ง จนปัญหาหนูหมดไป หลังจากนั้น นำเหยื่อกำจัดหนูออกใส่ถุงพลาสติกให้มิดชิด นำไปทิ้งขยะ

วิธีเก็บรักษา: ควรเก็บในที่แห้ง และเย็น อย่าให้ถูกแสงแดดและเก็บให้มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม และสัตว์เลี้ยง

วิธีแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำและสบู่จำนวนมากๆ
2. หากเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออกแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที
3. หากกลืนกิน ซันเจี่ย เหยื่อกำจัดหนู ให้ทำให้อาเจียน โดยดื่มน้ำสะอาด 2 แก้ว แล้วทำการล้วงคอ
4. หากมีอาการรุนแรงให้รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุ หรือฉลากของซันเจี่ย เหยื่อกำจัดหนู



คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. วางเหยื่อในสถานที่ที่เด็ก และสัตว์เลี้ยงไม่สามารถเข้าได้
3. อย่างวางเหยื่อในบริเวณที่เหยื่อจะมีโอกาสปนเปื้อนกับอาหาร หรือพื้นผิวสัมผัสกับอาหาร
4. ภายหลังการหยิบจับ ควรล้างมือทุกครั้ง

ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: coumatetralyl 0.75% w/w

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: ใช้ ราคูมินผง 1 ส่วน ผสมกับเหยื่อแห้งที่หนูชอบ เช่น ปลายข้าว ปลาป่น ข้าวโพดป่น ขนมปัง หรือเนื่อสัตว์ 19ส่วน แล้วใช้ไม้หรือวัสดุที่เหมาะสม คลุกให้เข้ากันในภาชนะ แล้วนำไปวางไว้ที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางไว้หลายๆจุด จุดละ 50-100 กรัม ห่างกันจุดละ 1-2เมตร และวางติดต่อกันประมาณ 5 วัน ควรเติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูกินไป

ขนาด 0.5 กิโลกรัม มี 125 เม็ด โดยประมาณ

------------------

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

ขนาด 1 กิโลกรัม มี 250 เม็ด โดยประมาณ

--------------------


ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

ขนาด 10 กิโลกรัม มี 2,500-2,700เม็ด โดยประมาณ

-------------------------

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: โบรมาดิโอโลน Bromadiolone 0.005% w/w

ประโยชน์: สะโตนเป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูป ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะโตน (stone) 3-5 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะโตนที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะโตนถูกหนูกิน
หมด ให้เติมเหยื่อสะโตนใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 8 สัปดาห์ แล้วเว้นประมาณ 8 สัปดาห์ จึงเริ่มวางเหยื่อใหม่

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตอมชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่



วิธีเก็บรักษา: เก็บสะโตน (stone) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมีฉลากติดอยู่ ห่างไกลจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยง เปลวไฟ ความร้อน

อาการเกิดพิษ: สะตอม เป็นสาร anticoagulant ผู้ได้รับพิษอาจมีเลือดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลือดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตอม อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากสูดดม ให้รีบนำผู้ป่วยไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. หากสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำจำนวนมาก ถ้าเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออก และรีบชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด
3.. หากกลืนโดยผู้ป่วยยังมีสติรู้ตัว รีบทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตอม
4. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะโตน(stone) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวัด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

ขนาด 10 กิโลกรัม มี 2,500เม็ด โดยประมาณ

-------------------------

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: สะตอมเป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูป ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตอม (stom) 3-5 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตอมที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตอมถูกหนูกิน
หมด ให้เติมเหยื่อสะตอมใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 8 สัปดาห์ แล้วเว้นประมาณ 8 สัปดาห์ จึงเริ่มวางเหยื่อใหม่

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตอมชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่



วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตอม (stom) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมีฉลากติดอยู่ ห่างไกลจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยง เปลวไฟ ความร้อน

อาการเกิดพิษ: สะตอม เป็นสาร anticoagulant ผู้ได้รับพิษอาจมีเลือดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลือดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตอม อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากสูดดม ให้รีบนำผู้ป่วยไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. หากสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำจำนวนมาก ถ้าเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออก และรีบชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด
3.. หากกลืนโดยผู้ป่วยยังมีสติรู้ตัว รีบทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตอม
4. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตอม(stom) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว



หมายเหตุ: ที่ร้านไม่ได้สต็อกขนาด 10 กิโลกรัม, แต่ทางร้านสามารถจัดสินค้าได้ภายใน 7 วัน หลังจากยืนยันการสั่งซื้อค่ะ

การบรรจุ: จำนวน 10 กรง

--------------

ผลิตจากเหล็กเคลือบสีเงินกันสนิม

ขนาดกรง: กว้างxยาวxสูง = 5"x11"x5" โดยประมาณ

จำนวนสปริงค์: 1 อัน

ประโยชน์: ใช้ดักหนู กระรอก หรือ สัตว์อื่นๆที่มีขนาดเล็กกว่า 5 นิ้ว

ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: โบรมาดิโอโลน(Bromadiolone) 0.005% w/w

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: สโตน (STONE) 3-4 ก้อน ประมาณ 15-20 กรัม ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางห่างกันจุดละ 1-2 เมตร เติมเหยื่อเดิมแทนเหยื่อที่หนูแทะไว้แล้ว แล้ววางติดตือกันเป็นเวลาประมาณ5-6วัน หรือจนกระทั่งไม่พบร่องรอยว่ามีหนูอยู่

การเก็บรักษา: ควรเก็บในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดแ และเก็บให้มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยง



ปลีกส่ง: โทร 091-9111285, 093-7411169 ไลน์ ไอดี @papamami

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

การบรรจุ: จำนวน 10 กรง

--------------

ผลิตจากเหล็กเคลือบสีเงินกันสนิม

ขนาดกรง: กว้างxยาวxสูง = 7"x14"x7" โดยประมาณ

ประโยชน์: ใช้ดักหนู กระรอก หรือ อื่นๆที่มีขนาดเล็กกว่า 7 นิ้ว

ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: coumatetralyl 0.75% w/w

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: ใช้ ราคูมินผง 1 ส่วน ผสมกับเหยื่อแห้งที่หนูชอบ เช่น ปลายข้าว ปลาป่น ข้าวโพดป่น ขนมปัง หรือเนื่อสัตว์ 19ส่วน แล้วใช้ไม้หรือวัสดุที่เหมาะสม คลุกให้เข้ากันในภาชนะ แล้วนำไปวางไว้ที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางไว้หลายๆจุด จุดละ 50-100 กรัม ห่างกันจุดละ 1-2เมตร และวางติดต่อกันประมาณ 5 วัน ควรเติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูกินไป

สะตอม ขนาด 16 กรัม มีจำนวน 5เม็ด

---------------------


ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: สะตอมเป็นเหยื่อพิษสำเร็จรูป ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตอม (stom) 3-5 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตอมที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตอมถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตอมใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 8 สัปดาห์ แล้วเว้นประมาณ 8 สัปดาห์ จึงเริ่มวางเหยื่อใหม่

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตอมชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่



วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตอม (stom) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมีฉลากติดอยู่ ห่างไกลจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยง เปลวไฟ ความร้อน

อาการเกิดพิษ: สะตอม เป็นสาร anticoagulant ผู้ได้รับพิษอาจมีเลือดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลือดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตอม อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลังจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากสูดดม ให้รีบนำผู้ป่วยไปยังบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. หากสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำจำนวนมาก ถ้าเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออก และรีบชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำให้สะอาด
3.. หากกลืนโดยผู้ป่วยยังมีสติรู้ตัว รีบทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตอม
4. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตอม(stom) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

ชื่อและอัตราส่วนที่สำคัญ: flocoumafen 0.005% w/w

ประโยชน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน โรงงาน โกดังเก็บของ และทุกๆที่

วิธีใช้: วางเหยื่อ สะตัน (stun) 2-3 ก้อนต่อจุด ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มีหนูชุกชุม หรือตามทางเดินของหนู ควรวางเหยื่อแต่ละจุดห่างกัน 5 เมตร หลังจาก หลังจากหนูกินเหยื่อสะตันแล้ว จะตายภายใน 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิด และขนาดของหนู ควรตรวจเช็คเหยื่อสะตันที่วางไว้ทุก 3-4 วัน ถ้าเหยื่อสะตันถูกหนูกินหมด ให้เติมเหยื่อสะตันใหม่ โดยทำติดต่อกันประมาณ 3-4ครั้ง จนปัญหาหนูที่มารบกวนหมดไป

จุดที่วางเหยื่อจะต้องให้อยู่ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงและเด็ก โดยการใช้กล่องหรือภาชนะที่เหมาะสม มีฝาปิด วางกล่องเหยื่อสะตันชิดผนัง หากพบเหยื่อออกมานอกจุดที่วางไว้ ให้เก็บกลับไปไว้ในกล่องหรือภาชนะที่ใส่


วิธีเก็บรักษา: เก็บสะตัน (stun) ในที่แห้งและเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และควรมรฉลากติดอยู่

อาการเกิดพิษ: ผู้ได้รับพิษอาจมีเลืดไหลออกทาง จมูก เหงือก ผิวหนังที่เป็นแผล หรือมีเลืดปนในปัสสาวะและอุจจาระ บริเวณผิวหนัง หรือริมฝีปากที่สัมผัสถูกสะตัน อาจมีรอยสีฟ้าติดอยู่ ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้ อาการเกิดพิษอาจเกิดขึ้นหลีงจากได้รับสะตัน แล้วหลายชั่วโมง หรืออาจนานถึง 5-6 วัน ผลิตภัณฑ์นี้ใช้สีน้ำเงินย้อมซึ่งละลายน้ำได้ ดังนั้นถ้าเหยื่อพิษถูกผิวหนังหรือกินเข้าไปให้สังเกตุสีที่ติดเปื้อนผิวหนัง หรือบริเวณปาก

การแก้พิษเบื้องต้น:
1. หากกลืนสะตัน(stun) ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2แก้ว แล้วทำการล้วงคอ (หากคนไข้หมดสติ ห้ามให้สิ่งของใดๆทางปาก) แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุของสะตัน
2. หากถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด
3. หากเข้าตา ให้ล้างด้วยน้ำมากๆ

คำแนะนำสำหรับแพทย์:
1. ถ้าผู้ป่วยได้รับสะตัน(stun) ทางปาก ไม่เกิน 4 ชั่วโมง ให้ล้างท้อง
2. ยาแก้พิษคือ ไวตามิน K1(Phytomenadione) อัตรา 10 มิลลิกรัม โดยการกินวันละ 4 ครั้ง สำหรับอาการไม่รุนแรง หรือ 20 มิลลิกรัม สำหรับเด็ก และ 40 มิลลิกรัม สำหรับผู้ใหญ่ โดยการฉีดเข้าเส้นเลือดในกรณีที่รุนแรง
3. ตรวจวีด Prothrombin Time เป็นระยะๆ จนกระทั่งอยู่ในระดับปรกติ และอาการตกเลือดสิ้นสุดลง

คำเตือน:
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
4. ต้องสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง หน้ากาก เพื่อป้องกันไม่ให้ สะตอมสัมผัสถูกร่างกาย ในขณะปฎิบัติงาน
5. ห้ามดื่มน้ำ รับประทานอาหาร หรือสูบบุหรี่ ขณะใช้สะตอม
6. ภาชนะบรรจุ เมื่อใช้หมดแล้ว ให้ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง ก่อนทำลาย แล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งไว้ให้ปลอดภัย
7. ห้ามเทน้ำล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง และท่อระบายน้ำสาธารณะ
8. ต้องอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาดหลังจากปฎิบัติงานเสร็จแล้ว

** ใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องผสมกับอาหาร **

ชื่อและอัตราส่วนสารออกฤทธิ์: Warfarin 0.05% w/w

ประโยชน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: เทอาร์ท แร็ทคิลเลอร์ ลงในภาชนะรองรับแล้ววางไว้ตรงที่มิดชิด หรือบริเวณที่หนูชุกชุม ควรวางห่างกันจุดละ 1-2เมตร และวางติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 5 วัน หรือจนกระทั่งว่าไม่พบร่องรอยว่ามีหนูอยู่ และคอยเติมอาท แร็ทคิลเลอร์ให้เต็มอยู่เสมอ

อัตราการใช้:
- สำหรับหนูตัวใหญ่ ใช้ อาท แร็ท คิลเลอร์ 8-12 กรัม(10-15ก้อน) ต่อจุด
- สำหรับหนูตัวเล็ก ใช้ อาท แร็ท คิลเลอร์ 5-10 กรัม(8-12ก้อน) ต่อจุด

วิธีเก็บรักษา: เก็บในที่แห้ง และเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และเก็บให้มิดชิด ห่างจากมือเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยง

วิธีการแก้พิษ:
1.หากกลืนอาท แร็ท คิลเลอร์ ให้ทำให้อาเจียนโดยดื่มน้ำสะอาด 2 แก้ว แล้วทำการล้วงคอ
2. ให้รีบนำส่งแพทย์ทันที พร้อมกับภาชนะบรรจุ ฉลาก หรือใบแทรกของอาท แร็ทคิลเลอร์

การบรรจุ: ชองละ 10 กรัม จำนวน 30 ซอง

ชื่อและอัตราส่วนสารสำคัญ: bromadiolone (โบรมาดิโอโลน) 0.005% w/w

ประโยขน์: ใช้ในการกำจัดหนูในบ้านเรือน หรืออาคารสถานที่หรือบริเวณโดยรอบ

วิธีใช้:
1. เท เส็ดอาร์ 10 กรัม ลงในภาชนะรองรับ แล้ววางไว้ตรงที่มิดชิด หรือบริเวณที่หนูชุกชุม ควรวางห่างกันจุดละ 1-2 เมตร แล้ววางติดต่อกันประมาณ 5 วัน
2. เติมเหยื่อแทนเหยื่อเดมที่หนูแทะไปแล้ว

วิธีเก็บรักษา: เก็บในที่แห้ง และเย็น อย่าให้ถูกแสงแดด และเก็บให้มิดชิด ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง

ชื่อและอีตราส่วนของสารสำคัญ: coumatetralyl 0.75% w/w

ประโยขน์: ใช้กำจัดหนู

วิธีใช้: ใช้ ราคูมินผง 1 ส่วน ผสมกับเหยื่อแห้งที่หนูชอบ เช่น ปลายข้าว ปลาป่น ข้าวโพดป่น ขนมปัง หรือเนื่อสัตว์ 19ส่วน แล้วใช้ไม้หรือวัสดุที่เหมาะสม คลุกให้เข้ากันในภาชนะ แล้วนำไปวางไว้ที่มิดชิด หรือบริเวณที่มีหนูชุกชุม ควรวางไว้หลายๆจุด จุดละ 50-100 กรัม ห่างกันจุดละ 1-2เมตร และวางติดต่อกันประมาณ 5 วัน ควรเติมเหยื่อแทนเหยื่อเดิมที่หนูกินไป